บริษัทมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมภิบาล เพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับทุกฝ่าย โดยมีการบริหารจัดการที่ดี มีธรรมาภิบาล มีความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ มีการพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการของทุกบริษัทในเครือฯ ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค สามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจ สร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ทั้งผู้ถือหุ้น พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุกิจ และสังคม โดยยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตประจำวันของพนักงาน บริษัทจึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และมีนโยบายที่ครอบคลุมทั้ง 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้การกำกับดูแลการบริหารความยั่งยืนทางธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทจึงได้แต่งตั้งคณะบริหาร ความยั่งยืนทางธุรกิจ (SD Management Team) โดยมีประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เป็นประธานคณะบริหารความยั่งยืนทางธุรกิจ และมีกรรมการผู้จัดการของบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลัก และผู้บริหารสูงสุดของสายงานร่วมเป็นคณะบริหารความยั่งยืนทางธุรกิจ ซึ่งรายงานตรงต่อคณะกรรมการกำกับดูแลบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน และมีคณะทำงานด้านความยั่งยืนจากตัวแทนหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนให้การดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยมีความสอดคล้องกับนโยบาย กลยุทธ์ แผนการดำเนินงานและตัวชี้วัดด้านความยั่งยืน
คณะกรรมการกำกับดูแลบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนได้ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทให้เป็นไปตามนโยบายการดำเนินงานด้านพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท รวมทั้งติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะบริหารความยั่งยืนทางธุรกิจ (SD Management Team) และคณะทำงานด้านความยั่งยืน เพื่อให้บริษัทและบริษัทย่อยปฏิบัติตามกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อความยั่งยืนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องต่อไป และสอดคล้องกับประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน (ESG Materiality) กลยุทธ์ เป้าหมาย และตัวชี้วัดการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ปี 2567 – 2571 ของกลุ่มบริษัทไทยกรุ๊ป ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาร่วมกันจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ครอบคลุมทั้งมิติสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยสอดคล้องกับนโยบาย กลยุทธ์ แผนการดำเนินงานด้านธุรกิจของกลุ่มบริษัทไทยกรุ๊ป และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UNSDGs)
ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ประกอบด้วยธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจรถเช่า และธุรกิจการเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจบริการในอุตสาหกรรมประกันและการเงิน มีหลักการในการวางห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจไม่ต่างกันมาก โดยสรุปสาระสำคัญของห่วงโซ่ธุรกิจภายในกลุ่มบริษัท มีดังนี้
บริษัทได้มีการระบุและวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสียเพื่อจัดลำดับความสำคัญโดยพิจารณาจาก
1. ระดับการมีส่วนร่วมในบริษัท และความเกี่ยวข้องในแต่ละกิจกรรมในห่วงโซ่คุณค่า
2. ผู้มีส่วนได้เสียที่ได้รับประโยชน์หรือผลกระทบจากบริษัท
3. ผู้ส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท
4. ผู้มีอิทธิพลต่อกิจกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของบริษัท
5. ผู้มีความสนใจในผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท
ลำดับความสำคัญ | ผู้มีส่วนได้เสีย | ช่องทางการสื่อสาร | ความคาดหวัง | การตอบสนองต่อความคาดหวัง | ผลการสร้างการมีส่วนร่วม |
---|---|---|---|---|---|
1 | ผู้ถือหุ้น | - เว็บไซต์ - อีเมล - จดหมาย - รายงานประจำปี - การประชุมผู้ถือหุ้น |
- การบริหารและการกำกับดูแลกิจการอย่างโปร่งใส - การเติบโตอย่างยั่งยืน - ความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ - ได้รับผลตอบแทนในเกณฑ์ที่ดี - ความสามารถในการบริหารความเสี่ยงและภาวะวิกฤต |
- การกำกับดูแลกิจการที่ดี - การบริหารและพัฒนาธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน - การศึกษาและพัฒนาธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจและสร้างผลกำไรอย่างเป็นธรรม - มีการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี - มีการวางแผนและทบทวนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน - มีแผนรับมือและการจัดการภาวะวิกฤต
|
- การจัดประชุมผู้ถือหุ้นตามวาระ และเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นแสดงความคิดเห็น รวมถึงการเสนอวาระการประชุมและเสนอรายชื่อบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท - การจัดทำรายงานประจำปีเพื่อนำเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อทราบผลการดำเนินงาน |
2 | พนักงาน | - อีเมล - อินทราเน็ต - E-Survey - งานประชุมพนักงาน - กิจกรรมพนักงาน - เว็บไซต์ - iVoice - กล่องรับความคิดเห็น - โปสเตอร์ |
- มีความก้าวหน้าในอาชีพ - ได้รับสวัสดิการและค่าตอบแทนที่เหมาะสม - ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม - มีความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงาน - มีความเคารพซึ่งกันและกัน - ได้รับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น |
- การพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เหมาะสมกับตำแหน่ง หน้าที่ และการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ - การนำผลประเมินการทำงานมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาสวัสดิการและค่าตอบแทน - มีการศึกษาจัดทำและสื่อสารนโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อให้พนักงานทุกคนรับทราบและปฏิบัติตามเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีทั้งการปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า และคนในสังคม - เปิดช่องทางรับฟังความคิดเห็นพนักงานผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยไม่มีการเปิดเผยหรือให้โทษผู้ให้ข้อเสนอแนะหรือออกความเห็น รวมถึงการคุ้มครองพนักงานที่แจ้งเบาะแสการทุจริตและละเมิดจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท |
- การจัดกิจกรรม Townhall เพื่อสื่อสารเป้าหมาย กลยุทธ์ และทิศทางให้พนักงานทั้งองค์กรทราบทั้งในรูปแบบ Face to Face และออนไลน์ พร้อมเปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็น และสอบถามประเด็นต่าง ๆ กับผู้บริหารระดับสูงโดยตรง - การเปิดโอกาสให้เข้าร่วมกิจกรรมของบริษัทในวาระต่าง ๆ เช่น งานทำบุญครบรอบวันก่อตั้งบริษัท งานทำบุญประจำปี และกิจกรรมเทศกาลต่าง ๆ เป็นต้น - อิสระในการนำเสนอวิธีการดำเนินงาน และการแสดงความคิดเห็นในการพัฒนาบริษัท ผ่านช่างทาง iVoice การเข้าร่วมประกวดแผนพัฒนาการดำเนินงานในโครงการ Think Tank ฯลฯ - จัดช่องทางรับเรื่องร้องเรียน ต่าง ๆ เช่น การแจ้งเบาะแสการทุจริตคอร์รัปชัน การไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณธุรกิจ ฯลฯ - การจัดอบรมพัฒนาศักยภาพพนักงาน โดยมีรายละเอียดปรากฏตามส่วนการดำเนินงานด้านทรัพยากรบุคคล - การปรับเพิ่มสวัสดิการและให้รางวัลประจำปีตามผลการประเมินการปฏิบัติงาน - การจัดทำ Engagement Survey ประจำปีเพื่อสำรวจความผูกพันของพนักงานที่มีต่อบริษัท พร้อมแสดงความคิดเห็นเพื่อการพัฒนาองค์กรและบริหารความผูกพัน |
3 | ลูกค้า | - เว็บไซต์ - Line - อีเมล - จดหมาย - SMS - สาขาของบริษัทย่อย - ศูนย์ดูแลลูกค้า - ช่องทางรับเรื่องร้องเรียน |
- สินค้าที่ตรงความต้องการ - การบริการลูกค้าที่ดี เท่าเทียม รวดเร็ว - ชื่อเสียงและความมั่นคงของบริษัท - มีข้อมูลสินค้าและบริการที่ชัดเจน เข้าใจง่าย และจริงใจ - มีความมั่นคงปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและไซเบอร์ - มีความปลอดภัยในการเก็บรักษาและนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ - สามารถเข้าถึงการประกันและการเงินได้ - การให้ความคุ้มครองและผลประโยชน์ตามสัญญากรมธรรม์ - การคิดดอกเบี้ยที่เป็นธรรม |
- มีมาตรการด้านความปลอดภัยและการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล - การพัฒนาและฝึกอบรมพนักงานด้านการบริการอย่างต่อเนื่อง - มีการวางแผนและทบทวนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน - มีแผนรับมือและการจัดการภาวะวิกฤต - มีการสื่อสารให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการที่ชัดเจน ไม่โฆษณาเกินจริงและไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด - การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันและการเงินเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชน แต่ละกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ |
- หน่วยงานกำกับธุรกิจได้มีการตรวจสอบข้อความและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่ขัดต่อ ข้อห้ามและไม่เกินความเป็นจริงหรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ก่อนเผยแพร่โฆษณาผลิตภัณฑ์/บริการแต่ละรายการสู่ลูกค้า - SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต หน่วยงานลูกค้าสถาบันได้มีการจัดอบรมให้ความรู้ด้านประกันและการเงินรวมถึงการบริหารความเสี่ยงให้กับลูกค้ารวม 6 ครั้ง - SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต จัดกิจกรรม Exclusive Concert เพื่อตอบแทนความไว้วางใจและสร้างความผูกพันระหว่างลูกค้าและบริษัท นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการสร้างความมั่นคงทางการเงินและการดูแลสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมให้กับลูกค้าองค์กรต่าง ๆ 3 โครงการ - INSURE อินทรประกันภัย หน่วยงานลูกค้าสถาบันได้จัดอบรมเสริมสร้างความรู้ด้านความเสี่ยง พร้อมวิธีรับมือ เช่น การประกันภัยก่อสร้าง ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก รวม 4 โครงการ - บริษัทได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษามาตรฐานการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอย่างดีที่สุด เป็นผลให้บริษัทผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 27001 อย่างต่อเนื่อง - การสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทประจำปี - พัฒนาระบบ iCEM เพื่อใช้บริหารจัดการการให้บริการลูกค้าที่มีเข้ามาผ่านช่องทาง ต่าง ๆ ของบริษัทให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
4 | พันธมิตรทางธุรกิจ | - เว็บไซต์ - อีเมล - การประชุม - โทรศัพท์ - Sale Platform - จดหมาย - พนักงานของบริษัท |
- ข้อมูลสินค้าและบริการที่ชัดเจน - ผลตอบแทนที่เหมาะสม - การจ่ายค่าตอบแทนที่ตรงเวลา - สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาด - ชื่อเสียงของบริษัท - การบริการลูกค้า - มีบรรษัทภิบาลที่ดีและโปร่งใส - การบริหารความเสี่ยงที่ดี - มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สะดวกในการใช้งานและปลอดภัย |
- มีการสื่อสารให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการที่ชัดเจน ไม่โฆษณาเกินจริงและไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด - มีการตกลงจำนวนค่าตอบแทนและผลประโยชน์ รวมถึงกำหนดรอบการจ่ายอย่างชัดเจน - การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันและการเงินเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชน แต่ละกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ - การพัฒนาและฝึกอบรมพนักงานด้านการบริการอย่างต่อเนื่อง - มีแผนรับมือและการจัดการภาวะวิกฤต - มีการวางแผนและทบทวนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน - การดูแลกำกับกิจการตามหลัก ธรรมาภิบาลที่ดี - มีการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี |
- จับมือพันธมิตรใหม่กับธนาคารแห่งประเทศจีน และบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของทั้งสองฝ่าย - รักษาความสัมพันธ์กับพันธมิตรเก่าอย่างต่อเนื่อง เช่น AIS SCB ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) Toyota Isuzu MG ฯลฯ - ให้การสนับสนุนการดำเนินงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดี เช่น การแข่งขันมาราธอน CBD We Run งานวิ่งเฉลิมพระเกียรติวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2567 - การส่งจดหมายเชิญพันธมิตรทางธุรกิจเข้าร่วมเป็นสมาชิกต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย |
5 | ตัวแทน / นายหน้า | - เว็บไซต์ - อีเมล - การประชุม - โทรศัพท์ - Sale Platform - จดหมาย - สาขาของบริษัทย่อย - พนักงานของบริษัท - การอบรมสัมมนา |
- ข้อมูลสินค้าและบริการที่ชัดเจน - ผลตอบแทนที่เหมาะสม - การจ่ายค่าตอบแทนที่ตรงเวลา - สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาด - ชื่อเสียงของบริษัท - การบริการลูกค้า - มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี - มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สะดวกในการใช้งานและปลอดภัย |
- มีการสื่อสารให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการที่ชัดเจน ไม่โฆษณาเกินจริงและไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด - มีการตกลงจำนวนค่าตอบแทนและผลประโยชน์ รวมถึงกำหนดรอบการจ่ายอย่างชัดเจน - การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันและการเงินเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนแต่ละกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ - การพัฒนาและฝึกอบรมพนักงานด้านการบริการอย่างต่อเนื่อง - มีแผนรับมือและการจัดการภาวะวิกฤต - มีการวางแผนและทบทวนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน - การกำกับดูแลกิจการตามหลัก ธรรมาภิบาลที่ดี - มีการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี |
- บริษัทมีการพัฒนาและฝึกอบรมตัวแทนและนายหน้าด้านผลิตภัณฑ์ การบริการ และข้อกำหนดต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องโดยมีรายละเอียดปรากฏตามผลการดำเนินงานการส่งเสริมการเข้าถึงการประกันและการเงิน และผลการพัฒนาฝึกอบรมพนักงานในส่วนของผลการดำเนินงานด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล - บริษัทมีการจัดแคมเปญกระตุ้นการสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง เช่น รางวัลทริปท่องเที่ยว รางวัล Incentive Bonus และรางวัลประจำปี เป็นต้น - การพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อให้ตัวแทนและนายหน้าสามารถใช้เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ |
6 | สังคม | - เว็บไซต์ - ข่าวประชาสัมพันธ์ - กิจกรรมเพื่อสังคม - Line |
- การเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันและการเงิน - การส่งมอบประโยชน์ต่อสังคม - การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม |
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันและการเงินเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนแต่ละกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ - การดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม - การดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมในกระบวนการดำเนินธุรกิจ |
- บริษัทมีการออกผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ เช่น INSURE อินทรประกันภัยออก Micro Insurance ที่มีเบี้ยต่ำกว่า 200 บาท อาคเนย์ มันนี่ ออกสินเชื่อเกษตรกรให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อย และสินเชื่อเพื่อธุรกิจ Solar Rooftop โดยมีรายละเอียดปรากฏตาม ผลการดำเนินงานในหัวข้อการส่งเสริมการเข้าถึงการประกันและการเงิน - การจัดกิจกรรม Wealth & Well-being Day เพื่อให้ความรู้ด้านการบริหารจัดการเพื่อความมั่นคงทางการเงิน โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 200 คน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ - กิจกรรมกายใจยั่งยืน ด้วยวิถีแห่งพลังชีวิต เพื่อให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพทางเลือก โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 200 คน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ |
7 | หน่วยงานกำกับ | - การประชุมรับฟังนโยบายและข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับ - จดหมายชี้แจง - รายงานประจำปี - การติดต่อประสานงาน |
- การดำเนินธุรกิจตามกฎหมายและข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับ - การเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันและการเงินของสังคม - การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน |
- การกำกับดูแลกิจการตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี - การดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมาย และข้อกำหนด - การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันและการเงินเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนแต่ละกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ |
- ได้ปฏิบัติตามนโยบายและข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด และให้ความร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น งานครบรอบการก่อตั้ง ฯลฯ - ส่งพนักงานเข้าร่วมกิจกรรมและการอบรมที่ คปภ. และสมาคมประกันชีวิตไทยและประกันวินาศภัยไทยจัด เช่น การซ้อมแผนรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ การสัมมนา “Climate Risk Management For Life Insurers” งานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานฯลฯ |
บริษัทมีกระบวนการในการกำหนดและการจัดลำดับประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ดังนี้
1. ศึกษาและวิเคราะห์ ปัจจัยความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท อาทิ ดัชนีชี้วัดจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประเด็นความยั่งยืนจากบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน แนวโน้มของอุตสาหกรรมในระดับสากล ฯลฯ เพื่อนำมาระบุตัวตั้งต้นของประเด็นความสำคัญด้านความยั่งยืนของบริษัทครอบคลุมทั้ง 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
2. จัดลำดับประเด็นความยั่งยืน โดยประเมินจากความสำคัญที่มีผลกระทบต่อบริษัท และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการดำเนินกิจกรรม สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียของบริษัททั้งภายในและภายนอก แล้วนำมาจัดลำดับในรูปแบบ Materiality Matrix เพื่อให้ทราบถึงระดับความสำคัญทั้งในส่วนของประเด็นที่มีความสำคัญต่อบริษัท และประเด็นที่มีความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสีย
3. การทวนสอบความถูกต้องและครบถ้วน โดยนำผลการจัดลำดับประเด็นความยั่งยืนนำเสนอต่อผู้บริหารระดับสูง เพื่อพิจารณาความครบถ้วน ถูกต้อง และให้ความคิดเห็น เพื่อปรับปรุงและเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อสารของบริษัทต่อไป
4. พัฒนาการรายงานด้านความยั่งยืน บริษัทจะมีการทบทวนเนื้อหาสำคัญในรายงานด้านความยั่งยืนรวมถึงกระบวนการจัดทำรายงานความยั่งยืนในทุกปี รวมทั้งเปิดรับความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียเพื่อพัฒนารายงานความยั่งยืนในฉบับต่อ ๆ ไป
ประเด็นความยั่งยืนที่ 4 การเงินเพื่อความยั่งยืน | ||
---|---|---|
เป้าหมายปี 2571 | เป้าหมายปี 2567 | ผลการดำเนินงานปี 2567 |
80% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมดเป็นการลงทุนโดยพิจารณาด้าน ESG ร่วมด้วย | 30% | 85% ของสินทรัพย์ลงทุนในปัจจุบันมีเกณฑ์ในการพิจารณาเรื่อง ESG สำหรับการตัดสินใจลงทุนแล้ว |
มีแนวทาง ESG 100% สําหรับธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด รวมถึงการลงทุน การอนุมัติสินเชื่อ และการจัดซื้อจัดจ้าง | 30% | บริษัทมีการพิจารณาสินเชื่อโดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าทุกราย หรือ 100% เพื่อลดปัญหาการสร้างหนี้ครัวเรือนที่เกินความสามารถของลูกค้าซึ่งจะส่งผลกระทบด้านอื่น ๆ ของลูกค้า และลดโอกาสการเกิดหนี้เสียให้กับบริษัท ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างอยู่ระหว่างการดำเนินการประเมินด้าน ESG ในการพิจารณาคัดเลือก Supplier/Vendor รายใหม่ และรายปัจจุบัน |
บริษัทและบริษัทย่อยสนับสนุนให้มีนวัตกรรมทั้งในระดับกระบวนการทำงานในองค์กร และในระดับความร่วมมือระหว่างองค์กรซึ่งหมายถึงการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีใหม่ ๆ และยังอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางความคิด การผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า เป้าหมายของบริษัทและบริษัทย่อยมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง ด้วยความสุจริต เป็นธรรม โปร่งใส เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญ และสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งบริษัทและบริษัทย่อยจะคำนึงถึงผลประโยชน์และผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย รวมถึงมีการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม บริษัทได้รับการรับรองเป็นสมาชิกของแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thailand's Private Sector Collective Action Coalition Against Corruption: CAC) ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2564 ซึ่งครบกำหนดอายุการรับรอง 3 ปี เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2567 ทั้งนี้ บริษัทได้รับการต่ออายุการรับรองครั้งที่ 1 แล้ว และจะครบกำหนดการต่ออายุครั้งที่ 2 ในวันที่ 31 มีนาคม 2570 บริษัทได้ดำเนินการตามนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันและสื่อสารไปยังพนักงานเพื่อให้พนักงานทุกคนรับทราบ ตระหนักถึงผลกระทบต่อการทุจริตคอร์รัปชัน และปฏิบัติตามนโยบายด้วยการต่อต้านคอร์รัปชันทุกรูปแบบ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเปิดช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนการทุจริตเพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มสามารถแจ้งเบาะแสมายังหน่วยงานที่รับเรื่องกรณีถูกละเมิดสิทธิหรือพบเห็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย/ระเบียบ/จรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท ดังนี้
1.จดหมายส่งทางไปรษณีย์
ถึง:ประธานคณะกรรมการบริษัท ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ประธานกรรมการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน หรือคณะกรรมการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน
ที่อยู่:บริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) 315 อาคารไทยกรุ๊ป ชั้นที่ 12 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
2.เว็บไซต์บริษัท https://www.tgh.co.th/ztc
บริษัทและบริษัทย่อยสนับสนุนให้มีนวัตกรรมทั้งในระดับกระบวนการทำงานในองค์กร และในระดับความร่วมมือระหว่างองค์กรซึ่งหมายถึงการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีใหม่ ๆ และยังอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางความคิด การผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า เป้าหมายของนวัตกรรมคือการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก เพื่อทำสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ก่อผลิตผลที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมสูงสุด อาทิ
- Line OA @Thai Group ที่บริษัทได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อลูกค้าของกลุ่มบริษัทโดยเฉพาะ โดยเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานเพื่อให้บริการลูกค้าของบริษัทย่อยได้แบบครบจบในที่เดียว ทั้งลูกค้าประกันส่วนบุคคลและประกันกลุ่ม ทั้งลูกค้า SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต INSURE อินทรประกันภัย และลูกค้ารถยนต์มือสองของ RDD รถดีเด็ด ออโต้ สามารถเข้าถึงการบริการได้แบบ 24/7 Digital Access โดยได้ให้ความสะดวกแก่ลูกค้าทั่วประเทศ ทุกพื้นที่ตั้ง รวมกว่า 500,000 คน นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมโดยสามารถลดการใช้ทรัพยากรต้นไม้จากการให้บริการเดิมที่ต้องยื่นแบบฟอร์มกระดาษ โดยในปี 2567 ลูกค้ายื่นคำขอผ่านระบบออนไลน์จำนวน 4,688 คำขอ คิดเป็นกระดาษที่ลดลงจำนวน 22,384 แผ่น เทียบเท่าต้นไม้ 3.73 ต้น
- D Life แพลตฟอร์ม ช่องทางที่ SE Life อาคเนย์ประกันชีวิตได้สร้างขึ้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ตัวแทนของบริษัทสามารถส่งมอบบริการให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา พร้อมระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างสูงสุด
นอกจากนี้ ในปี 2567 ไทยกรุ๊ปยังได้สร้างระบบ i-CEM (Customer Engagement Management) หรือไอซีอีเอ็ม โดยนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ทำงานอัตโนมัติ (Robotic Process Automation: RPA) และกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ (Workflow Automation) มาช่วยบริหารจัดการการดูแลลูกค้าที่แจ้งเรื่องเข้ามาผ่านช่องทางต่าง ๆ ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีจากบริการที่สะดวกและรวดเร็ว โดยช่วยลดภาระการทำงานที่ซ้ำซ้อนของทีมงาน เช่น การป้อนข้อมูล หรือการติดตามเรื่องลูกค้าแบบ Manual ช่วยลดข้อผิดพลาดในการทำงานด้วย Workflows ที่ชัดเจน ช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากผู้ปฏิบัติงาน และช่วยให้ทีมงานสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำ เพิ่ม SLA ให้สามารถติดตาม และบริหารจัดการได้ดีขึ้น ทั้งช่วยให้บริษัทสามารถลดความเสี่ยงจากค่าปรับหรือความล่าช้าในการดำเนินการ ทั้งยังสามารถขยายขนาดของระบบเพื่อรองรับปริมาณงานจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น และสามารถเก็บข้อมูลการให้บริการเพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การให้บริการได้แบบ Real Time โดยในปี 2567 ได้ให้ความสะดวกรวดเร็วและสร้างประสบการณ์ที่ดีจากการให้บริการที่มีประสิทธิภาพเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันในทุกช่องทางบริการแก่ลูกค้ารวมกว่า 1.86 ล้านรายการ ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความไว้วางใจและได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าต่อบริการของบริษัทมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล สร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่องให้กับผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงเพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ และค่านิยมและวัฒนธรรมขององค์กร บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านภาษีโดยยึดหลักความถูกต้อง โปร่งใส มุ่งมั่นในการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีอากรที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ และเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติงานของกลุ่มบริษัทให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน บริษัทจึงกำหนดแนวปฏิบัติด้านภาษีอากร ดังนี้
1.การปฏิบัติตามกฎหมายภาษีอากร (Compliance) บริษัทยึดถือและปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด ดำเนินการเสียภาษีอย่างถูกต้องครบถ้วน และวางแผนด้านภาษีให้เกิดประโยชน์อย่างเหมาะสมและถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
2.จริยธรรมองค์กร (Corporate Ethics) นโยบายการบริหารจัดการด้านภาษี ได้กำหนดจากหลักจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยมีหลักการพื้นฐานการปฏิบัติงานด้วยความสุจริต มีคุณธรรม ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อสนับสนุนและยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดี สนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
3.การกำหนดราคาโอน (Transfer Pricing) บริษัทกำหนดมูลค่าหรือราคาโอนของธุรกรรมระหว่างกลุ่มบริษัทในเครือ โดยอ้างอิงราคาตลาดทางการค้าปกติ สอดคล้องตามหลักการ Arm’s Length เพื่อให้การชำระภาษีเป็นไปอย่างถูกต้อง
4.การจัดโครงสร้างภาษี (Tax Structuring) บริษัทดำเนินการจัดโครงสร้างทางภาษีให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ ด้วยความโปร่งใส ไม่ขัดต่อกฎหมาย และไม่ก่อให้เกิดการหลีกเลี่ยงภาษี
5.การประสานงานและความโปร่งใสด้านภาษี (Relationship with Tax Authority or Others) บริษัทจัดให้มีผู้รับผิดชอบด้านภาษีที่มีความรู้และทักษะด้านภาษีในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานด้านภาษีของราชการ เพื่อให้ข้อมูลทางภาษีที่ถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริงในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการในการตรวจสอบภาษีอากร ตลอดจนมีการเปิดเผยข้อมูลภาษีเงินได้ในรายงานทางการเงินของบริษัท เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสีย
6.การพัฒนาความรู้ด้านภาษีอากร (TaxTraining) บริษัทจัดให้มีการพัฒนาความรู้ด้านกฎหมายภาษีอากรให้กับบุคลากรของบริษัทอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้บุคลากรมีความรู้ ความเข้าใจในกฎหมายภาษีอากรที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ และมีการให้คำปรึกษาด้านภาษีอากรกับหน่วยงานต่าง ๆ ภายในองค์กร เพื่อให้ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายภาษี
7.สิทธิประโยชน์ทางภาษี (Tax Incentives) บริษัทดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเหมาะสมและเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของคู่ค้าเสมอมา จึงปฏิบัติต่อคู่ค้าทุกรายด้วยความเสมอภาคและยุติธรรมในการทำธุรกิจ ปฏิบัติตามสัญญาและเงื่อนไขทางการค้าต่าง ๆ ที่ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสภาพคล่อง ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งได้ บริษัทจะรีบแจ้งให้คู่ค้าทราบโดยเร็ว เพื่อร่วมกันพิจารณาหาแนวทางแก้ไขโดยใช้หลักความสมเหตุสมผล บริษัทมีกำหนดและสื่อสารรอบระยะเวลาการชำระเงินให้แก่คู่ค้า โดยบริษัทมีกำหนดระยะเวลาเครดิตเทอมเฉลี่ยอยู่ที่ 30 วัน และขึ้นอยู่กับเงื่อนไขข้อตกลงระหว่างบริษัทและคู่ค้า ซึ่งระยะเวลาชำระเงินให้แก่คู่ค้าเฉลี่ยที่เกิดขึ้นจริงอยู่ภายในกำหนดเครดิตเทอมที่กำหนด
ระยะเวลาเครดิตเทอม | ระยะเวลาเฉลี่ยที่เกิดขึ้นจริงในปี 2567 |
---|---|
30 วัน | 22 วัน |
Critical Tier 1 (คู่ค้าสำคัญที่ทำธุรกิจโดยตรงกับบริษัท) และ Critical Non-Tier 1 (คู่ค้าสำคัญที่ไม่ได้ทำธุรกิจโดยตรงกับบริษัท)
ประเด็นความยั่งยืนที่ 4 การส่งเสริมการเข้าถึงการประกันและการเงิน | ||
---|---|---|
เป้าหมายปี 2571 | เป้าหมายปี 2567 | ผลการดำเนินงานปี 2567 |
เพิ่มความตระหนักรู้ทางการเงินและการประกันภัยสําหรับ 500,000 คน ผ่านช่องทางห้องสัมมนา และออนไลน์ผ่านสื่อของบริษัท | รวม 100,000 คน - SE Life: 50,000 คน - SECAP: 1,000 คน - INSURE: 50,000 คน - SEM/SEMR: 300 คน |
รวม 382,194 คน - SE Life: 123,262 คน (246%) - SECAP: 2,492 คน (249.2%) - INSURE: 256,172 คน (512%) - SEM/SEMR: 268 คน (89%) |
เพิ่มการเข้าถึงทางการเงินและการประกันภัยสําหรับกลุ่มที่ด้อยโอกาส |
SE Life: 1% ของกลุ่มเปราะบาง มีการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเพิ่มขึ้น (เปรียบเทียบกับจำนวนลูกค้าทั้งหมด) (หมายเหตุ: กลุ่มเปราะบางของ SE Life คือ ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท) |
0.22% |
SEMR: 5% ของกลุ่มเปราะบาง สามารถเข้าถึงการบริการด้านการเงินได้มากขึ้น (หมายเหตุ: กลุ่มที่เปราะบางของ SEMR คือ เกษตรกรชาวไร่อ้อย) |
47% | |
INSURE: ขายกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุแบบไมโคร อินชัวรันส์ 10,000 กรมธรรม์ (200 บาทต่อกรมธรรม์) (หมายเหตุ: ประกันภัยอุบัติเหตุแบบไมโคร อินชัวรันส์ ครอบคลุมประกันกลุ่มสำหรับแรงงานต่างด้าวที่มีรายได้น้อย และการให้ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลฟรี) |
98% ของเป้าหมาย (หรือคิดเป็นประมาณ 9,800 กรมธรรม์) |
|
ดําเนินโครงการพัฒนาพนักงานเพื่อปรับปรุงการประกันภัยและความรู้ทางการเงิน ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดีและความยั่งยืน | 60% ของพนักงานทั้งหมดได้รับการฝึกอบรม | 98% |
ผู้ได้รับการอบรมด้านประกันและการเงินมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3% | 3% | |
คะแนนการมีส่วนร่วมของพนักงานเพิ่มขึ้น 3% จากปี 2566 | เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเปรียบเทียบกับ ปี 2566 | |
ดําเนินโครงการเพื่อสวัสดิการพิเศษให้กับพนักงานและครอบครัว จำนวน 5 โครงการ | 1 โปรแกรม | 1 โปรแกรม ได้แก่ สวัสดิการสำหรับพนักงานผู้ชายเพื่อดูแลบุตร (คุณพ่อลาคลอด) |
คะแนนความพึงพอใจของพนักงานจากการจัดโครงการเพื่อสวัสดิการพิเศษเพิ่มขึ้น 10% จากปีฐาน 2566 | คะแนนความพึงพอใจของพนักงานต่อโครงการสวัสดิการเพิ่มขึ้น 3% จากคะแนนฐาน | เลื่อนการประเมินเป็นสิ้นปี 2568 |
บริษัทและบริษัทย่อยมีนโยบายสนับสนุนและเคารพการปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยการปฏิบัติต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ชุมชน และสังคมรอบข้างด้วยความเคารพในคุณค่าของความเป็นมนุษย์ คำนึงถึงความเสมอภาคและเสรีภาพที่เท่าเทียมกัน ไม่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน และไม่เลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา ภาษา สีผิว เพศ อายุ การศึกษา สภาวะทางร่างกาย หรือสถานะทางสังคม รวมถึงจัดให้มีการดูแลไม่ให้ธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การบังคับใช้แรงงาน (Forced labor) การใช้แรงงานเด็ก (Child Labor) และการคุกคามทางเพศ เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทและบริษัทย่อยได้ส่งเสริมให้มีการเฝ้าระวังการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิทธิมนุษยชน โดยจัดให้มีการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและช่องทางในการร้องเรียนสำหรับผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิอันเกิดจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อย และดำเนินการเยียวยาตามสมควร ทั้งนี้ เพื่อให้การเคารพสิทธิมนุษยชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทและบริษัทย่อยได้ดำเนินการสร้างองค์ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนและปลูกจิตสำนึกให้บุคลากรของบริษัทและบริษัทย่อยปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน
บริษัทได้ดูแลพนักงานของบริษัทและทุกบริษัทในเครือตามหลักสิทธิมนุษยชน สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ มอบสวัสดิการที่เหมาะสมและเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เปิดโอกาสในการแสดงความคิดเห็นเพื่อร่วมพัฒนาองค์กร มีการพัฒนาความรู้ความสามารถของพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พนักงานมีความเชี่ยวชาญและเป็น มืออาชีพ สามารถพัฒนาการทำงานและสร้างผลงานที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลาและทันต่อการแข่งขันของธุรกิจ มีความสุขในการทำงาน มีความภาคภูมิใจ มีความรัก ความผูกพันกับองค์กร
ทั้งนี้จากการตรวจสอบทุกช่องทางร้องเรียนของบริษัททั้งจากบุคลภายในและบุคคลภายนอก ไม่พบการร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชน
ประเด็นความยั่งยืนข้อที่ 1 ผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม | ||
---|---|---|
เป้าหมายปี 2571 | เป้าหมายปี 2567 | ผลการดำเนินงานปี 2567 |
ส่งเสริมให้บริษัทในเครือพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำและเพิ่มรายได้ 2,000 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์ดังกล่าว | เป้าหมายรวมรายได้ 278 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ (เป็นการปรับเป้าหมายใหม่จากเดิม 1,000 ล้านบาท เนื่องจากประเด็นความเสี่ยงทางธุรกิจที่ยังคงสูงอยู่) ประกอบด้วย |
ผลการดำเนินงานรวม รายได้ 411 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ |
SECAP - ให้เช่ารถ EV, xEV, PHEV และ Hybrid จำนวน 600 คัน หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 158 ล้านบาท |
SECAP - ให้เช่ารถ EV, xEV, PHEV และ Hybrid จำนวน 964 คัน (160% ของเป้าหมาย) และคิดเป็นรายได้จำนวน 254 ล้านบาท (160% ของเป้าหมาย) |
|
SEM - ปล่อยสินเชื่อเพื่อธุรกิจ Solar Rooftop 40 ล้านบาท |
SEM - ปล่อยสินเชื่อเพื่อธุรกิจ Solar Rooftop อาคาร ในปี 2567 เบิกจ่ายแล้วจำนวน 64.44 ล้านบาท (161% ของเป้าหมาย) |
|
INSURE (เป้าหมายที่ปรับปรุงแล้ว) - ขายประกันภัยรถยนต์ EV, Hybrid, PHEV และ Green Product จำนวน 2,700 กรมธรรม์ - คิดเป็นรายได้จากเบี้ยรับประกัน จำนวน 80 ล้านบาท - คิดเป็น 2% ของรายได้จากเบี้ยรับประกันทั้งหมด (5,555 ล้านบาท) |
INSURE - 3,269 กรมธรรม์ (121% ของเป้าหมาย) (รถ EV 190 กรมธรรม์ รถ Hybrid/PHEV 3,072 กรมธรรม์ และผลิตภัณฑ์ Solar Cell Power Plant 7 กรมธรรม์) - คิดเป็นรายได้จากเบี้ยรับประกัน 92.83 ล้านบาท (116% ของเป้าหมาย) - คิดเป็น 1.78% ของรายได้จากเบี้ยรับประกันทั้งหมด (5,555 ล้านบาท) (89% ของเป้าหมาย) |
|
ลดการพิมพ์/กระดาษที่ใช้งานได้ลง 80% | ลดการพิมพ์/กระดาษที่ใช้งานได้ลง 20% | 32.3% - ปี 2566 ลดการพิมพ์/กระดาษที่ใช้งานได้ 72,016 กิโลกรัม หรือ 13,849,417 แผ่น หรือคิดเป็นต้นไม้ 2,308 ต้น |
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 28% | การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 5% | 45% - ปี 2567 = 4,670 tCO2e - ปี 2566 = 3,202 tCO2e (เนื่องจากมีการขยายขอบเขตการจัดเก็บข้อมูลที่ครอบคลุมมากขึ้น) |
นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมให้บริษัทในเครือมีการให้สินเชื่อ (Project Finance) แก่ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการพิจารณาให้สินเชื่อที่ยืดหยุ่นในเกณฑ์การพิจารณาและคุณสมบัติ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเงินทุนได้สะดวกมากขึ้น และให้อัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ เป็นการส่งเสริมให้ธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมมีการขยายตัวมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันผู้ประกอบการที่ได้รับสินเชื่อนี้ สามารถก่อสร้างและให้บริการไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) แล้วเสร็จ สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า จำนวนทั้งสิ้น 58 แห่ง กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 48,78 MW.
หมายเหตุ: บริษัทมีการตั้งเป้าหมายใหม่ให้มีความท้าทายขึ้นเนื่องจากผลการดำเนินงานปัจจุบันเกินเป้าหมายหมายที่เคยตั้งไว้
ขณะที่บริษัท อาคเนย์แคปปิตอล จำกัด หรือ SECAP มีความพร้อมในการจัดหารถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) รวมถึงรถยนต์ Hybrid และ Hybrid Plug in เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม จากการลดใช้พลังงานฟอสซิลและลดการปล่อยมลพิษหรือก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases: GHGs) เพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติได้ออกนโยบาย 30@30 คือ การตั้งเป้าผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี 2573 โดยบริษัทมีเป้าหมายนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาให้บริการเพื่อลดการปล่อยมลพิษหรือก๊าซเรือนกระจก และลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล
โดยในปี 2567 บริษัทมีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงรถยนต์ Hybrid และ Hybrid Plug in ที่ให้บริการรวม 964 คัน (ร้อยละ 160 ของเป้าหมายปี 2567) และคิดเป็นรายได้จำนวน 254 ล้านบาท (160% ของเป้าหมาย)
สำหรับบริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ออกผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม โดยให้ความคุ้มครองรถยนต์ EV, Hybrid, PHEV และความคุ้มครอง Solar Rooftop รวมจำนวน 3,269 กรมธรรม์ (ร้อยละ 121 จากเป้าหมายปี 2567) คิดเป็นรายได้จำนวน 92.83 ล้านบาท (ร้อยละ 116 จากเป้าหมายปี 2567)
บริษัทมีเป้าหมายในการร่วมลดก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อยร้อยละ 28 จากปี 2566 ภายในปี 2571 โดยส่งเสริมให้พนักงานทำงานบนระบบออนไลน์เพื่อลดการใช้เอกสารกระดาษ รวมถึงการรณรงค์เพื่อร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการลดใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อาทิ การทำงานผ่านระบบออนไลน์ ด้วยการจัดทำระบบ i-Series เพื่อดำเนินการในระบบออนไลน์ อาทิ ระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน ระบบจองห้องประชุม รวมถึงการบริหารจัดการขยะของเสียภายในองค์กรการคัดแยกขยะก่อนทิ้ง ด้วยการคัดแยกขยะก่อนทิ้งและส่งกำจัดอย่างถูกวิธี และมีเป้าหมายในการลดกระดาษจากกระบวนการทำธุรกิจ อย่างน้อยร้อยละ 5 ต่อปี โดยส่งเสริมให้ตัวแทน ลูกค้า คู่ค้า ใช้บริการส่งใบคำขอออนไลน์ (e-Application) และรับกรมธรรม์ออนไลน์ (e-Policy) รวมถึงการขอใช้บริการหลังการขายผ่านระบบออนไลน์ ผ่านระบบ D-Life โดย 100 e-Application/ e-Policy เท่ากับต้นไม้ 1 ต้น โดยทุก ๆ ต้นไม้ 1 ต้นที่ได้จากการปรับกระบวนการในการทำธุรกิจของบริษัทมาเป็นระบบออนไลน์ บริษัทจะสมทบปลูกเพิ่ม 1 ต้น โดยมีเป้าหมายในการปลูกต้นไม้รวมอยู่ที่ 100,000 ต้น หรือเทียบเท่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 900 – 1,500 กิโลตัน/ปี
สำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ บริษัทมีการรณรงค์ให้พนักงานใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและใช้เท่าที่จำเป็น ส่วนการจัดการน้ำเสีย บริษัทได้มีการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียอย่างถูกต้องตามกฎหมายอาคารควบคุม เพื่อบำบัดก่อนทิ้งลงสู่ ท่อระบายน้ำสาธารณะ โดยบริษัท อาคเนย์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัท เอเชียติ๊กเฮาส์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารเช่าที่ตั้งสำนักงานของบริษัทได้ผ่านการตรวจสอบอาคารเป็นประจำทุกปี ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 8 (6) ระบบการจัดการเกียวกับสภาพแวดล้อมของอาคาร เช่น ระบบการจัดแสงสว่าง การระบายอากาศ การปรับอากาศ การฟอกอากาศ การระบายน้ำ การบําบัดนําเสีย และการกําจัดขยะมูลฝอยและสิงปฏิกูล ทั้งนี้ ด้วยพื้นที่เดิมของบริษัทมีจำกัด จึงไม่สามารถจัดทำบ่อพักน้ำเพื่อบำบัดและนำกลับมาใช้หมุนเวียนใหม่ได้
สำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ บริษัทมีการรณรงค์ให้พนักงานใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและใช้เท่าที่จำเป็น ส่วนการจัดการน้ำเสีย บริษัทได้มีการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียอย่างถูกต้องตามกฎหมายอาคารควบคุม เพื่อบำบัดก่อนทิ้งลงสู่ ท่อระบายน้ำสาธารณะ โดยบริษัท อาคเนย์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัท เอเชียติ๊กเฮาส์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารเช่าที่ตั้งสำนักงานของบริษัทได้ผ่านการตรวจสอบอาคารเป็นประจำทุกปี ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 8 (6) ระบบการจัดการเกียวกับสภาพแวดล้อมของอาคาร เช่น ระบบการจัดแสงสว่าง การระบายอากาศ การปรับอากาศ การฟอกอากาศ การระบายน้ำ การบําบัดนําเสีย และการกําจัดขยะมูลฝอยและสิงปฏิกูล ทั้งนี้ ด้วยพื้นที่เดิมของบริษัทมีจำกัด จึงไม่สามารถจัดทำบ่อพักน้ำเพื่อบำบัดและนำกลับมาใช้หมุนเวียนใหม่ได้
ส่วนงานอาคารและสถานที่ผู้ดูแลการบริหารจัดการขยะของเสียได้ดำเนินการรวบรวมคัดแยกขยะและส่งกำจัดอย่างถูกวิธี โดยมีสรุปปริมาณขยะและของเสียของบริษัท ดังนี้
หน่วย: กิโลกรัม
ปริมาณขยะและของเสีย | ปี 2564 | ปี 2565 | ปี 2566 | ปี 2567 |
---|---|---|---|---|
ไม่อันตราย | 16,199.00 | 40,444.00 | 42,950.00 | 135,086 |
อันตราย | 8.00 | 0.00 | 96.00 | 141 |
รวม | 16,207.00 | 40,444.00 | 43,046.00 | 135,227 |
หมายเหตุ: ประมาณขยะในปี 2567 เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากมีการบริหารจัดการอย่างถูกวิธีโดยเก็บรวมรวมและคัดแยกประเภทขยะที่ครอบคลุมมากขึ้น
บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท ไทยเบฟรีไซเคิล จำกัด ในการรับขยะไปรีไซเคิลตามกระบวนการ และขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ บริษัทได้ส่งมอบให้กับรถจัดเก็บขยะของสำนักงานเขตบางรักเพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี
นโยบายการใช้คุกกี้นี้มีผลบังคับใช้กับเว็บไซด์รวมถึงแอพพลิเคชั่นใด ๆ ของบุคคลที่สาม ที่เชื่อมต่อหรือเข้าใช้งานเว็บไซด์ของบริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (ต่อจากนี้จะเรียกว่า บริษัท) การเข้าใช้บริการต่าง ๆ ของเว็บไซด์ของบริษัท รวมถึงบริการต่อเนื่อง จะถือว่าท่านได้ยอมรับแนวนโยบายการใช้คุกกี้ฉบับนี้ และอนุญาตให้ทางเว็บไซด์ของบริษัทใช้คุกกี้เพื่อการใช้งานของเว็บไซด์ได้ หากท่านปฏิเสธ ไม่ยอมรับ ไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ ท่านสามารถเลือกที่จะออกจากเว็บไซด์ของบริษัทไป หรือสามารถที่จะปิดการใช้งานคุกกี้ผ่านระบบของเว็บเบราว์เซอร์ที่ท่านใช้งานอยู่ โดยท่านต้องยอมรับว่าอาจมีผลกระทบต่อการใช้งานเว็บไซด์ของบริษัท
จากนี้จะแจกแจงว่า คุกกี้คืออะไร, คุกกี้ที่เราใช้งานมีอะไรบ้าง, อายุการใช้งาน และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
คุกกี้ เป็นไฟล์ข้อมูลขนาดเล็กที่ถูกบันทึกไว้ในอุปกรณ์ของท่าน ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อื่นใดที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและสามารถแสดงเว็บไซด์ของบริษัทได้ คุกกี้นี้จะทำงานในการใช้งานเว็บไซด์ให้มีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากขึ้น โดยปกติแล้วคุกกี้จะประกอบไปด้วยชื่อของเว็บไซด์, ข้อมูลที่จัดเก็บ, อายุของคุกกี้ และค่าหมายเลขจำเพราะเพื่อระบุตัวตนของคุกกี้
โดยทั่วไปแล้ว การใช้งานคุกกี้มีไว้เพื่อประโยชน์ในเข้าชมหรือใช้งานเว็บไซด์ให้ดีขึ้น สะดวกขึ้น รวดเร็วขึ้น เช่น จดจำการตั้งค่า การล๊อคอิน เก็บสถิติการเข้าชมเพื่อวิเคราะห์ความสนใจหรือพฤติกรรมของผู้ใช้งานเพื่อแสดงเนื้อหาที่ผู้ใช้สนใจ อย่างไรก็ตาม คุกกี้ที่ใช้ในเว็บไซด์ของบริษัทจะไม่สามารถใช้ระบุตัวตนของท่านโดยตรงได้ กล่าวคือเว็บไซด์ไม่สามารถทราบได้ว่าคุกกี้ตัวใด หมายถึงผู้ใช้คนใด บนอุปกรณ์ใด โดยตรงได้
คุกกี้ที่ใช้บนเว็บไซด์ของบริษัท ประกอบด้วย
บริษัทขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทอาจมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เพื่อความเหมาะสม อย่างไรก็ตามหากนโยบายนี้ถูกเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ ทางบริษัทจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ทราบในหน้าแรก(homepage) ของเว็บไซต์ บริษัทขอแนะนำให้ผู้ใช้เข้าดูนโยบายนี้เป็นครั้งคราวเพื่อทราบถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้